มันเป็นเรื่องค่อนข้างเสียเซลล์ แบบเสียความมั่นใจสุดๆเวลาที่เพื่อนของคุณ หรือแม้กระทั่งตัวคุณเองรู้สึกว่าขาของตัวเองใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเพื่อนตัวดีของคุณที่เอาแต่ล้อว่าขาของคุณใหญ่จนต้องลดน้ำหนักโดยด่วน ทั้งทีบ้างครั้งคุณก็คิดนะว่าขาของคุณไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
อย่ากังวนไปถ้าคุณสาวๆยังสงสัยว่าขาใหญ่จริงๆหรือเปล่า? วันนี้ GangBeauty มีวิธีเช็คตามหลักเกณฑ์หลายแบบที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณอ้วนจริงหรือเปล่า ไปเช็คกันเลย…
คำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง
:ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่ง อย่างที่รู้กันดีว่า เวลาที่คุณสาวๆน้ำหนักขึ้นก็มักจะไปลงที่พุง ที่ต้นขา
วิธีคำนวณ
สามารถคำนวณได้จากการเอา ส่วนสูงและน้ำหนัก ที่แท้จริงมาคิดหาดัชนีมวลกาย
ดัชนีมวลกาย = น้ำหนัก (กิโลกรัม) ? ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
เกณฑ์ดัชนีมวลกายของชาวเอเชีย
– ดัชนีมวลกาย = 5 – 22.9 (น้ำหนักปกติ)
– ดัชนีมวลกาย = 23 – 24.5 (น้ำหนักเกิน)
– ดัชนีมวลกาย = 25 (เป็นโรคอ้วน)
เวลายืนตรงขาชิดแล้วเนื้อเบียดกัน
:คนขาเล็กถ้าเวลายืนตรงแล้วจะเห็นว่ามีช่องตรงกลางระหว่างขาสองข้าง แต่ถ้าขาใหญ่เนื้อของขาทั้งสองข้างจะเบียดกันจนมองไม่เห็นด้านหลัง ลองไปส่องกระจกดูนะว่าตอนนี้ขาของเราเป็นแบบไหนกันแน่
เวลานั่งต้นขาใหญ่ล้นทะลักมาก
:อันนี้ค่อนข้างจะตรงตัว วลายืนอาจเห็นไม่ชัดเจน แต่พอนั่งแล้วรู้ได้ทันทีว่าขาใหญ่สุดๆ ตอนยืนมองตรงรู้สึกว่าขาเราก็ดูเล็กดี แต่พอนั่งปุ๊บไขมันก็พากันมากองอยู่ด้วยกันจนเรารู้สึกได้
ลองกางเกงสกินนี่
:ส่วนใหญ่แล้วกางเกงสกินนี่จะออกแบบมาให้รัดรูปเข้ากับเรียวขาของเราพอดี แล้วเวลาคนเลือกกางเกงก็จะเลือกตามขนาดของช่วงเอวและสะโพก ตอนลองกางเกงถ้าขนาดเอวและสะโพกไม่มีปัญหาแต่มันติดตรงที่ว่าพอใส่แล้วรู้สึกแน่นที่หน้าขาเป็นพิเศษ คือส่วนเอวได้แต่ขาไม่ได้ อันนี้ให้เราพิจารณาตัวเองได้แล้วนะว่าขาล้ำหน้ากว่าเอวไปเยอะแล้ว
มีคนทักว่าขาใหญ่
:ปกติแล้วคงไม่มีใครมานั่งบอกว่าเราขาใหญ่หรอก แต่ถ้ามันดูผิดสังเกตจนทำให้คนอื่นมาทักได้แปลว่าขาเราเริ่มจะใหญ่จริงแล้วนะ แต่หลักการนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เพราะบางคนอาจจะไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดขนาดนั้น
ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าตัวเองเตี้ยตัน ขาสั้น
:คนเตี้ยไม่จำเป็นต้องขาใหญ่ แต่ถ้าลองมองดูตัวเองแล้วรู้สึกว่าดูตันๆ ช่วงขาก็ดูสั้น นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่บอกว่าช่วงขาของเราใหญ่เกินไป เมื่อเทียบกับสัดส่วนร่างกาย