โชคดีของชาวไทยที่มีอาหารอร่อยๆ ให้เลือกหลากหลายรสชาติ โดยเฉพาะอาหารประเภท “ยำ” ทั้งหลาย รวมถึงส้มตำ ต้มยำ พล่า ลาบ และอื่นๆ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับยำ ที่เป็นที่ถูกปากของทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ เป็นเพราะรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นการผสมผสานกันของรสเปรี้ยว เค็ม หวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ ที่ทำให้เราซี๊ดปากไปกินไปอย่างเอร็ดอร่อยนั่นเอง
ประโยชน์ของอาหารประเภท “ยำ”
อาหารประเภทยำ เป็นอาหารที่ส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่าอาหารประเภทอื่นๆ จึงทำให้ยำเป็นเมนูโปรดของคนที่กำลังลดน้ำหนัก สามารถเลือกวัตถุดิบที่ให้พลังงานน้อยๆ มาปรุงเป็นยำรสแซ่บกินกันอยู่บ่อยๆ รวมถึงเมนูปลาเผาที่กินเนื้อปลาขาวๆ ราดด้วยน้ำยำ กินกับสารพัดผักอีกด้วย
นอกจากนี้ ด้วยรสชาติจัดจ้าน เสริมรสเผ็ด ทำให้เป็นอาหารที่ช่วยเจริญอาหารได้ดีสำหรับคนที่กำลังประสบปัญหาเบื่ออาหาร
กินยำทุกวัน หรือบ่อยๆ จะส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายหรือไม่ ?
แม้ว่ารสชาติของอาหารประเภทยำจะถูกใจจนทำให้เรากินกันบ่อยๆ แทบจะทุกวัน แต่มีข้อพึงระวังสำหรับคนที่รักอาหารประเภทยำอยู่บ้างเช่นกัน
1. วัตถุดิบในการปรุงอาหารต้องสดใหม่ และสะอาด เพราะส่วนใหญ่อาหารประเภทยำจะปรุงด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการต้มหรือลวกน้ำร้อนให้สุกเท่านั้น (อาจมีวัตถุดิบบางประเภทที่ทำให้สุกด้วยวิธีที่ผ่านความร้อนนานๆ เช่น ย่าง ทอด อบ ตุ๋น ฯลฯ) เพื่อลดความเสี่ยงโรคท้องร่วง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ
2. พยายามเลือกกินยำที่ปรุงจากวัตถุดิบที่ผ่านความร้อนทั้งหมด เลี่ยงการกินอาหารที่ปรุงสด เช่น ยำปูม้า กุ้งแช่น้ำปลา กุ้งเต้น ก้อยเนื้อขม ฯลฯ
3. ผักที่กินดิบ เช่น หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย ฯลฯ ควรล้างน้ำให้สะอาดหลายๆ ครั้งก่อนนำมาทำอาหาร
4. ไม่ควรปรุงรสจัดจนเกินไป ควรปรุงแต่พอดี ค่อยๆ ปรุงทีละนิด ไม่ใส่เครื่องปรุงเยอะตั้งแต่แรก นอกจากจะเสี่ยงโรคไตแล้ว อาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร ท้องเสีย
5. ลดการใส่ผงชูรส หรืออาจไม่จำเป็นต้องใส่เลยก็ได้
6. ควรเลือกกินเมนูที่หลากหลาย ไม่กินเมนูเดิมๆ บ่อยๆ เพราะอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
7. หากจะเลือกกินยำเพื่อเป็นเมนูลดน้ำหนัก ควรเลือกวัตถุดิบที่มีแป้งเป็นส่วนผสมให้น้อยที่สุด เช่น เลือกกินยำวุ้นเส้นหมูสับ (ไม่ติดมัน) แทนการกินยำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือยำหมูยอ และเน้นปริมาณของผักให้มากที่สุดในจาน
8. แม้ว่าจะชอบยำมากแค่ไหน แต่ควรเปลี่ยนเมนูไปกินอาหารประเภทอื่นบ้าง เพื่อให้ได้คุุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
หากทำตามได้ดังนี้ ความเสี่ยงอันตรายต่ออาหารประเภทยำก็จะลดลง เราก็กินยำได้อย่างเพลิดเพลินมีความสุขมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าจะให้ดี ทำยำกินเองสะอาด และปลอดภัยที่สุด เพราะเราสามารถเลือกวัตถุดิบ ทำความสะอาด และปรุงรสได้ตามที่เราต้องการ อย่าลืมปรุงน้อยๆ แค่พอให้ได้รสชาติ ไม่จัดจ้านก็อร่อยได้