ช่วงนี้เทรนออกกำลังกายบอกเลยว่ากำลังมาแรงแซงทุกเทรนแบบสุดๆไม่ว่าจะหันไปทางไหนเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ก็สนใจหันมาออกกำลังกาย บอกเลยว่านี่ถือเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียวแต่สไตล์การออกกำลังของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเคยสังเกตมั้ย? บางคนชอบออกกำลังกายที่ตามฟิตเนส บางคนออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ แล้วถ้าต้องวิ่งวิ่งในฟิตเนส VS วิ่งในสวน ทุกคนคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน? วันนี้ gangbeauty เลยนำข้อดีของทั้ง 2 ที่มาเปรียบเทียบให้ดูกัน แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล
ข้อดีของการวิ่งในฟิตเนส
1. ความสะดวกสบาย
คนที่เคยวิ่งในฟิตเนสน่าจะถูกใจกับสถานที่บริการที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว ครีมอาบน้ำ แชมพู ล็อคเกอร์เก็บของ ไดร์เป่าผม และที่สำคัญฟิตเนสมีหลายแห่งใกล้บ้าน เดินทางสะดวกสุดๆ ฝนตกแดดออก หรือแม้แต่น้ำท่วมเราก็ยังวิ่งได้ เริ่ดตรงนี้
2. กำหนดการวิ่งได้
ไม่ว่าจะปริมาณแคลอรี่ที่อยากเผาผลาญ จับเวลาในการวิ่ง วอล์มอัพกี่นาที คูลดาวน์กี่นาที ใช้ความเร็วในการวิ่งเท่าไร ทุกอย่างกำหนดด้วยเครื่องวิ่งได้หมดแบบเป๊ะๆ
3. ก้าวขาอัตโนมัติ ลดการออกแรง
เพราะลู่วิ่งมันเลื่อนอัตโนมัตินี่คะ เราจึงไม่ต้องออกแรงสปริงข้อเท้ามากเหมือนการวิ่งบนถนนปกติ แถมไม่ต้องวิ่งปะทะกับลมและยังแอบมีเทรนเนอร์คอยให้คำปรึกษาระหว่างวิ่งด้วยนอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากพื้นถนนที่ไม่เรียบสม่ำเสมอ
4. บังคับตัวเองให้มีวินัยในการออกกำลังกาย
ข้อนี้จะว่าไม่สำคัญ ก็อาจจะใช่ แต่หลายคนไปวิ่งที่ฟิตเนสอยู่เป็นประจำ เพราะจ่ายค่าฟิตเนสไปแล้วไง แพ็กเกจทั้งปีด้วย จะหยุดวิ่งไปเสียเฉยๆ ก็เสียดายเงิน เลยต้องไปวิ่งอยู่เรื่อยๆ เป็นการบังคับตัวเองให้มีวินัยในการวิ่งค่ะ
5. ปลอดภัย ไร้คน มนุษย์เด็ก และรถราต่างๆ
ใครที่วิ่งในที่ๆ คนไปวิ่งกันเยอะๆ อาจเสี่ยงต่อการวิ่งชนกับคนอื่น หรือรักษาความเร็วในการวิ่งแบบคงที่ไม่ได้ เพราะอาจวิ่งเจอคนอื่น เจอจักรยาน เจอเด็ก ยิ่งถ้าวิ่งช่วงเช้ามืดอาจจะเสี่ยงอันตรายมากกว่า
ข้อดีในการวิ่งในสวนสาธารณะ
1. บรรยากาศดีกว่าเห็นๆ
หลายคนที่ชอบวิ่งในสวน เพราะบรรยากาศในสวนมันดีกว่าในห้องฟิตเนสอย่างเห็นได้ชัดยังไงล่ะ ต้นไม้สีเขียว ดอกไม้สวย บ่อน้ำใสๆ นก ปลา ท้องฟ้า อากาศก็สดชื่น และบางครั้งการได้เจอเพื่อนๆ นักวิ่งด้วยกัน อาจได้แลกเปลี่ยนพูดคุยทักทายทำความรู้จัก
2. พื้นที่ในการวิ่งแตกต่างกันไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ
ถึงแม้ลู่วิ่งจะมีฟังก์ชั่นปรับพื้นลาดเอียงได้เหมือนวิ่งขึ้นเขาลงเขา แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเราจะวิ่งขึ้นสะพาน ลงสะพานได้เลยโดยไม่ต้องคอยกดปรับ หรือบางทีอาจจะเจอพื้นทรายบ้าง พื้นหินบ้างพื้นคอนกรีตบ้าง ความรู้สึกเมื่อได้ย่างก้าวลงบนพื้นผิวที่ต่างกันก็ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้บนลู่วิ่งเรียบๆ แน่นอน และไม่ต้องกลัวว่าจะกำหนดระยะวิ่ง และจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้มีแอพวิ่งเป็นล้านแปดให้เลือกใช้
3. สูดออกซิเจนได้เต็มปอด
ในห้องแอร์เย็นๆ พื้นพรมหนาๆ บางครั้งก็รู้สึกอากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรืออาจแพ้ฝุ่นแพ้ไรได้ แต่ถ้าได้ออกมาวิ่งข้างนอก เจอต้นไม้ลำธารกับสัตว์ต่างๆ นอกจากจะได้บรรยากาศสวยๆ แล้วโบนัสอีกอย่างที่ฟิตเนสให้ไม่ได้ คือออกซิเจนสะอาดๆ
4. เลือกบรรยากาศในการวิ่งได้เอง
อยากได้บรรยากาศยามเช้าก็ไปเช้าๆ อยากได้บรรยากาศเย็นๆ โพล้เพล้ก็วิ่งตอนเย็น ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามชอบ
ถ้าเราวิ่งข้างนอก วันนี้วิ่งสวนลุม พรุ่งนี้วิ่งสวนรถไฟก็ยังได้
5. อยากวิ่งตอนไหนก็ได้วิ่ง ไม่ต้องรอเครื่องเล่น
ถ้าฟิตเนสใหญ่ เครื่องวิ่งเยอะ หรือคุณชอบไปฟิตเนสตอนเช้าๆ ก็โอเคอยู่หรอก แต่ถ้าชีวิตคุณเลือกไม่ได้มาก เลือกฟิตเนสราคาไม่แพงมาก เครื่องวิ่งมี 4 เครื่อง คนวิ่ง 4 คน คนละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงถ้าคนใช้เครื่องวิ่งเต็มหมด คุณจะต้องรอไปอีกกี่นาทีล่ะ แต่ถ้าเป็นสวนสาธารณะ จะวิ่งพร้อมกับสิบคนก็ยังได้ ความอิสระในการวิ่งก็มีเยอะกว่า