หายเครียด vs เพิ่มความเครียด
อยากหายเครียด แต่ยังมีพฤติกรรมแบบผิดๆ แล้วเมื่อไหร่ร่างกายและจิตใจจะได้พบกับความสุขกันล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัวเวลาเครียด หรือคิดว่าทำแล้วจะช่วยให้หายเครียดได้ แต่จริงๆ กลับเพิ่มความเครียดให้มากกว่าเดิม 6 พฤติกรรมต่อไปนี้ รู้ไว้จะได้ไม่สร้างความเครียดเพิ่ม
6 พฤติกรรมที่คิดว่าทำแล้ว หายเครียด
กินข้าวเสียเวลา ทำงานดีกว่าไหม?
หลายคนเมื่อเกิดอาการเครียดก็มักจะหมกมุ่นอยู่กับแต่ปัญหา จนลืมหิว ลืมเวลากิน หรือหิวแต่หยิบขนมใกล้ตัวมากินรองท้อง เพราะยังอยากทำงานต่อให้จบ จนละเลยอาหารมื้อสำคัญไป โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้า แล้วไปกินหนักช่วงมื้อดึกแทน ทั้งๆ ที่จริงแล้วมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่จะช่วยสลายความเครียดของเราได้ แต่หลายคนกลับคิดว่า เสียเวลา สู้เอาเวลาไปทำงานดีกว่า บอกเลยว่า คุณกำลังคิดผิด
มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายและสมอง หากไม่กินมื้อเช้า ไม่มีอาหารดีๆ ตกถึงท้อง ร่างกายก็จะมีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ อาจเกิดอาการหน้ามืด เบลอ ตาลาย เวียนหัว มึนงง ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ดีต่อการทำงานแน่ๆ จะทำอะไรก็สับสน ผิดพลาดไปหมด ปัญหาเดิมๆ ยังแก้ไม่ได้ อาจเพิ่มเติมความวุ่นวายเนื่องงานความผิดพลาดได้อีก ดังนั้น เลิกกินขนม แล้วลุกไปหาข้าวกินดีกว่า กินอย่างพอดีๆ จะได้มีแรงลุยความเครียดต่อ!
น้ำเปล่าไม่สดชื่น ต้องกาแฟสิ!
หลังจากไม่กินแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เครียดแล้วก็ไม่ดื่มน้ำเปล่าด้วย แต่ดันไปเลือกดื่มน้ำชา กาแฟ เพราะคิดว่าน้ำเหล่านั้นดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีแรงทำงานต่อ แต่ที่จริงแล้ว การดื่มชา กาแฟ ที่มีสารกาเฟอีนอาจจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวได้สักพัก (หากดื่มในปริมาณที่พอดี) แต่ถ้าดื่มหนัก จะทำให้ร่างกายเครียดกว่าเดิม เพราะกาเฟอีนจะทำให้ใจสั่น และกระตุ้นให้เกิดอาการขับน้ำออกจากร่างกาย ต้องไปปัสสาวะบ่อยๆ ทำให้ร่างกายยิ่งเกิดอาการขาดน้ำ มีอาการคอแห้ง ปากแห้ง ริมฝีปากแห้งแสบ ไม่มีสมาธิทำงานด้วย ดังนั้น หากอยากสงบจิตสงบใจ หาทางแก้ไขปัญหา แนะนำจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ จะดีกว่า
เครียดแบบนี้ แอลกอฮอล์ช่วยได้?
แย่กว่าการดื่มชา กาแฟ ก็คือ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ให้ผลตรงข้ามกับกาเฟอีน แอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายง่วงซึม เราอาจคิดว่า ดื่มแล้วใจสงบแบบนี้คิดอะไรออกแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วยิ่งดื่มก็ยิ่งหยุดไม่ได้ ยิ่งดื่มมากกลับทำให้ขาดสติ อาจเผลอพลั้งทำอะไรแย่ๆ ลงไป แล้วสุดท้ายก็หมดสติหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็ยังเครียดเหมือนเดิม เสียเวลามากกว่าเดิม และอาจเครียดมากกว่าเดิมด้วยหากช่วงเวลาที่ขาดสตินั้นทำอะไรที่แย่ๆ ลงไป ดังนั้น ถ้าอยากดื่มแอลกอฮอล์จริงๆ ล่ะก็ ไวน์ 2 แก้วช่วยได้ แต่ถ้าอยากดื่มมากกว่านั้น แนะนำว่า แก้ปัญหาให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปฉลองดีกว่า
ขอตัวไปสูบบุหรี่แก้เครียดแป๊บนึงนะ
การสูบบุหรี่คล้ายๆ กับการดื่มแอลกอฮอล์ หลายคนเข้าใจว่าการสูบบุหรี่ช่วยผ่อนคลาย คลายเครียดได้ ซึ่งเรามักจะได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ ว่า เครียดจังเลย ขอแอบไปสูบบุหรี่คลายเครียดหน่อย แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว การสูบบุหรี่ยิ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หัวใจก็ทำงานหนักขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้นอีก อาการเหล่านี้นอกจากจะเพิ่มความเครียดให้ร่างกายในเวลานั้นแล้ว ยิ่งสูบไปนานๆ ก็เสี่ยงอีกหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หากเป็นโรคขึ้นแบบนี้ไม่ได้เครียดคนเดียวแล้วนะ คนรอบตัวก็เครียดไปด้วย
แนะนำว่าหากรู้สึกอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา ให้หาหมากฝรั่ง ถั่ว มาเคี้ยวเล่นให้รู้สึกว่าปากไม่ว่างก็ได้ แต่ถ้าอยากเลิกจริงจังไปที่นี่เลย ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ
หยิบโทรศัพท์มาแชทแก้เครียดดีกว่า
ผลวิจัยพบว่า คนส่วนใหญ่มักส่งข้อความทางโทรศัพท์หากัน หรือที่เรียกว่า แชท ประมาณ 34 ข้อความก่อนจะนอน คิดดูแล้วตกราวๆ 3,000 ข้อความต่อเดือน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบนเตียงในช่วงเวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อน (ดูเหมือนว่าเวลาที่อยู่บนเตียง เรามักจะนึกเรื่องที่อยากคุยได้มากกว่าสถานที่อื่นเลยนะ)
การเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนนอนนั้น ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัว ทำให้นอนหลับยาก จากปกติที่ร่างกายจะเคยชินว่า อยู่บนเตียงแล้วจะต้องนอนหลับ แต่เมื่อฝืนนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนเลยจุดง่วงนอน ก็จะทำให้นอนไม่หลับ นอนไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกายก็จะไม่หลั่งออกมา หรือหลั่งมาน้อย ร่างกายก็ไม่ได้รับการซ่อมแซมตามที่ควรได้รับ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย สมองเบลอ คิดอะไรก็ไม่ค่อยออก เมื่อรวมกับความเครียดที่ก่อตัวขึ้นมาอีก อาการง่วงๆ มึนๆจะยิ่งทำให้ร่างกายและจิตใจเครียดเพิ่มไปอีก
ดังนั้น เมื่ออยู่บนเตียงควรเลี่ยงการเล่นโทรศัพท์ดีกว่า ปิดการเตือนต่างๆ ทำห้องให้เงียบทีสุด ถ้ายังไม่ง่วงจริงๆ เปลี่ยนจากการอ่านหน้าจอมาเป็นอ่านหนังสือดีกว่า แป๊บเดียวหลับสบาย
หายใจเฉยๆ ก็เครียดได้หรอ?
คนเราก็หายใจเป็นปกติอยู่แล้ว แล้วทำไมการหายใจถึงเพิ่มความเครียดได้ นั่นเป็นเพราะ เราอาจหายใจแบบผิดๆ อยู่ หายใจแบบไม่สม่ำเสมอ หายใจเร็วไป หายใจช้าไป กลั้นหายใจ หรือหายใจสั้นๆ ซึ่งการหายใจไม่ถูกวิธีเป็นสาเหตุให้ออกซิเจนเข้าไปในปอดได้ไม่เพียงพอ ทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายก็อ่อนเพลีย เพราะการหมุนเวียนเลือดในร่างกายไม่ดี ทำให้ร่างกายเครียด จึงทำอะไรได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น ถ้าอยากหายเครียดก็ต้องหายใจให้ถูก
วิธีการฝึกหายใจให้ถูกวิธี ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยการฝึกหายใจก่อนนอนบนเตียง หรือจะนั่งสมาธิก็ได้ แล้วหายใจเข้าช้าๆ จนท้องป้อง ค้างไว้สักพัก แล้วผ่อนลมหายใจจนท้องแฟ่บ ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ประมาณวันละ 10-15 นาที จะช่วยให้สมองแจ่มใสขึ้น ช่วยลดความเครียดของกล้ามเนื้อในร่างกายได้ เมื่อเจอความเครียดก็จะมีสติรับมือได้ดีกว่า
ถ้าเลิกทำพฤติกรรมผิดๆ เหล่านี้ ความเครียดจะได้สลายไปไวๆ เพราะยังมีเรื่องใหม่ให้เครียดอีกเยอะ (ฮา)