หลายๆคนที่กำลังเผชิญปัญหาอาการปวดหัวอย่างหนักหรือที่เรียกว่าโรคไมเกรน โรคไมเกรนหรือโรคปวดหัวข้างเดียว เป็นความผิดปกติทางประสาทเรื้อรังอย่างหนึ่ง ลักษณะเด่นคือปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรงเป็นซ้ำ มักสัมพันธ์กับอาการทางระบบประสาทอิสระจำนวนหนึ่ง
อาการปวดศีรษะมีผลต่อศีรษะครึ่งซีก มีสภาพปวดตามจังหวะหัวใจเต้น และกินเวลาตั้งแต่ 2 ถึง 72 ชั่วโมง อาการที่สัมพันธ์อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน และไวต่อแสง เสียงหรือกลิ่น โดยทั่วไปความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นจากกิจกรรมทางกาย ผู้ป่วยไมเกรนถึงหนึ่งในสามมีสัญญาณบอกเหตุ คือ การรบกวนภาพ การรับความรู้สึก ภาษาหรือการสั่งการร่างกายซึ่งบ่งบอกว่าจะเกิดปวดศีรษะในไม่ช้า บางครั้งสัญญาณบอกเหตุเกิดได้โดยมีการปวดศีรษะตามมาน้อยหรือไม่ปวดเลย
ไมเกรนมีสาเหตุจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรมผสมกัน ผู้ป่วยประมาณสองในสามเป็นในครอบครัว การเปลี่ยนระดับฮอร์โมนผสมกัน เพราะไมเกรนมีผลต่อเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงเล็กน้อยก่อนวัยเริ่มเจริญพันธุ์ แต่ในผู้ใหญ่ หญิงเป็นมากกว่าชายประมาณสองถึงสามเท่า ความเสี่ยงของไมเกรนปกติลดลงระหว่างการตั้งครรภ์ ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดของไมเกรน แต่เชื่อว่าเป็นความผิดปกติของประสาทควบคุมหลอดเลือด ทฤษฎีหลักสัมพันธ์กับการเร้าได้ (excitability) ที่เพิ่มขึ้นของเปลือกสมองและการควบคุมผิดปกติของเซลล์ประสาทรับความเจ็บปวดในนิวเคลียสของประสาทไทรเจมินัลในก้านสมอง
การป้องกันและลดอาการปวดไมเกรนด้วยการควบคุมตัวกระตุ้นทั่วไป
1.หลีกเลี่ยงแสงไฟบางประเภท เมื่อคุณพยายามที่จะป้องกันไมเกรน คุณควรหลีกเลี่ยงไฟสว่าง สีของไฟบางสีสามารถเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้ในบางคน อาการไวต่อแสงเช่นนี้เรียกว่าตาไม่สู้แสง มันจะเกิดขึ้นเมื่อแสงไฟเพิ่มอาการปวดหัวของคุณ เซลล์ประสาทภายในตาที่มีชื่อว่านิวรอนนั้นจะถูกกระตุ้นด้วยไฟ
2.ควรลดการเผชิญกับเสียงดังๆ หากเป็นไปได้ ไมเกรนนั้นสามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยเสียงดังๆ โดยเฉพาะเสียงดังต่อเนื่อง เหตุผลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าผู้ป่วยไมเกรนนั้นไม่สามารถยับยั้งเสียงดังๆ ได้ ขณะที่คนอื่นๆ เสนอว่าหูด้านในอาจจะเป็นสาเหตุ
3.อากาศที่เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงในอากาศนั้นเกี่ยวข้องกับความกดอากาศ มันสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ อากาศแห้งๆ หรืออุ่นๆ ลมแห้งๆ ก็สามารถส่งผลกับร่างกายของคุณและทำให้ปวดหัว นี่เกิดขึ้นเพราะว่าความไม่สมดุลของสารเคมีที่อยู่ในร่างกายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของแรงกด
4.จัดการกับสิ่งกระตุ้นที่รุนแรง เพราะว่าแสงไฟจ้าและกระพริบนั้นบางครั้งก็ทำให้เป็นไมเกรนได้ คุณควรสวมแว่นตาในวันที่แดดจ้าหรือในฤดูหนาวที่มีแสงจ้า แสงจากหิมะ น้ำ หรืออาคารนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ การสวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์คุณภาพดีและมีส่วนป้องกันด้านข้าง หากเป็นไปได้ ผู้ป่วยไมเกรนบางคนนั้นพบว่าการใส่แว้นที่มีเลนส์ย้อมสีนั้นก็ช่วยได้
– พักสายตาเป็นพักๆ เมื่อดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์ ปรับแสงสว่างและระดับคอนทราสต์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ หากคุณใช้จอแบบสะท้อน ลดการสะท้อนด้วยการใช้ฟิลเตอร์ หรืออาจจะดึงมู่ลี่และม่านเมื่อแสงแดดส่อง
5.การแพ้อาหาร การแพ้อาหารบางประเภทนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ในคนที่แพ้ ไมเกรนจะถูกกระตุ้นจากอาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับอาการแพ้ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารทุกอย่างที่คุณแพ้และอาหารที่คุณคิดว่าคุณน่าจะแพ้
– ลิสต์รายชื่ออาหารที่คุณได้ทานตลอดทั้งวัน ด้วยวิธีนี้คุณก็จะสามารถติดตามและเริ่มระบุได้ว่าอาหารอะไรที่ทำให้คุณแพ้ คุณอาจจะไปให้แพทย์ตรวจอาการแพ้ก็ได้
6.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไทรามีนและไนไทรท์ ไทรามีนนั้นเป็นสารที่จะปล่อยสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่านอร์เอพิเนฟริน ซึ่งจะนำไปสู่อาการปวดหัว
มีอาหารทั่วไปหลายอย่างที่มีไทรามีนหรือไนไทรท์ อาหารอย่างมะเขือม่วง มันฝรั่ง ไส้กรอก เบค่อน แฮม ผักโขม น้ำตาล ชีสหมัก เบียร์ และไวน์แดงนั้นมีสารนี้
– อาหารอื่นๆ ที่มีไทรามีนนั้นได้แก่ช็อกโกแลต อาหารทอดน้ำมัน กล้วย ลูกพลัม ถั่วปากอ้า มะเขือเทศ และผลไม้ตระกูลส้ม
– อาหารที่มีเครื่องปรุงสูงอย่างโมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือสารสังเคราะห์ที่ใส่เพิ่มนั้นก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้
– ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง โดยเฉพาะประเภทหมักนั้น มีระดับของไทรามีนอยู่สูง เต้าหู้ ซอสถั่วเหลือง ซอสเทอรายากิ และมิโสะ นั้นเป็นตัวอย่างของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
7.ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นสามารถทำให้เกิดไมเกรนได้ มันเกิดขึ้นจากการขาดสารอาหารหรือการทานคาร์โบไฮเดรตขัดสีมากเกินไป ซึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือด การทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างดมื้ออาหารใดๆ ตลอดทั้งวัน หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตขัดสีอย่างน้ำตาลและขนมปังขาว ขนมปังโฮลเกรนนั้นก็ใช้ได้
8.รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการขาดน้ำ เพราะว่าร่างกายนั้นต้องการน้ำมากในวันหนึ่ง ร่างกายตอบสนองต่อการขาดน้ำด้วยการสร้างความรู้สึกปวดและไม่สบาย
– น้ำเปล่าคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้ร่างกายชุ่มชื้น เครื่องดื่มอื่นๆ นั้นที่มีน้ำตาลหรือสารให้ความหวานในระดับต่ำ หรือเครื่องดื่มที่ปราศจากคาเฟอีนนั้นก็สามารถช่วยให้คุณชุ่มชื้นได้
เป็นยังไงกันบ้างหละคะใครที่ใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับสิ่งหระตุ้นเหล่านี้ล้วนหน้ากลัวมากๆเลยนะคะสามารถทำให้เราเกิดอาการไมเกรนขึ้นมาได้หรือสำหรับใครที่ไม่ได้เป็นไมเกรนอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เป็นได้เช่นกันค่ะ