ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าท้องป่องโดยที่ยังไม่พร้อมนะคะ การคุมกำเนิดในยุคสมัยนี้ถือว่ามีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้กันมากๆ แล้วไม่ใช่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นนะที่สามารถป้องกันได้ แต่ผู้หญิงเราก็ควรที่จะป้องกันด้วยเช่นกัน วันนี้เรา จึงมี 5 วิธีคุมกำเนิดที่ทำได้ง่ายและปลอดภัย พร้อมข้อดี vs ข้อเสียมาฝากสาวๆ กัน จะมีวิธีไหนบ้างตามมาดูกันเลย!
1. ถุงยางอนามัย
ถือเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดและสามารถป้องกันการติดเชื้อจากการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 100 % ซึ่งฝ่ายชายจะสวมใส่เพื่อป้องกันน้ำหล่อลื่นและน้ำอสุจิที่จะเข้าสู่ช่องคลอด โดยเลือกถุงยางอนามัยที่ได้มาตรฐานและมีขนาดที่เหมาะสม
ข้อดี : ราคาถูก หาซื้อง่าย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ข้อเสีย : ป้องกันการตั้งครรภ์ได้เพียง 82 % อาจเกิดอาการแพ้ คันและผื่นแดงขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ค่าใช้จ่าย : ประมาณ 60 บาทขึ้นไป
2. ยาคุมกำเนิด
หนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมและสามารถป้องกันการคุมกำเนิดได้ดีในระดับหนึ่งก็คือการกินยาคุมกำเนิด ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 ประเภท คือยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมและฮอร์โมนเดี่ยว โดยปกติแล้วยาคุมกำเนิดจะมีแบบ 21 เม็ดและแบบ 28 เม็ด ซึ่งจะต้องกินยาคุมติดต่อกันทุกวันตามลำดับที่ฉลากยากำหนด ไม่อย่างนั้นประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะลดลงค่ะ
ข้อดี : หากใช้ยาคุมกำเนิดแบบถูกต้องจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 99.7% แถมยังช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนด้วย
ข้อเสีย : ในช่วงแรกๆ ของการกินยาคุมอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ประจำเดือนมาไม่ปกติ ห้ามลืมกินยาและต้องกินยาตรงเวลาทุกวัน
ค่าใช้จ่าย : 100-300 บาท
3. ฝาครอบปากมดลูก
ฝาครอบปากมดลูกเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว โดยเป็นการใส่เข้าไปในช่องคลอดผู้หญิงในลักษณะวางขวางทางเข้ามดลูกก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปในมดลูก นอกจากนี้ตัวฝาครอบยังมีสารฆ่าเชื้ออสุจิอีกด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย แต่ไม่เหมาะสำหรับใครที่มีตกข่าวหรือมีอาการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
ข้อดี : ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมน กล่องนึงใช้ได้หลายครั้งแต่ต้องล้างให้สะอาดและหยอดย่าฆ่าเชื้ออสุจิทุกครั้ง
ข้อเสีย : ขั้นตอนการใส่อาจจะยุ่งยากในการใช้งานครั้งแรก อาจมีปัญหาทางเดินปัสสาวะอักเสบได้โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นมาก่อน
ค่าใช้จ่าย : กล่องละประมาณ 3,000 บาท
4. แผ่นแปะคุมกำเนิด
อีกหนึ่งทางเลือกที่ทำได้ง่ายและเหมาะสำหรับสาวๆ ขี้ลืม ก็คือการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดนั่นเองค่ะ ซึ่งกลไกป้องกันการตั้งครรภ์จะเป็นในลักษณะเดียวกับยาคุมกำเนิด โดยให้สาวๆ แปะแผ่นยาที่บริเวณหน้าท้อง สะโพก หลัง ต้นแขน สัปดาห์ละ 1 แผ่น ซึ่งหลังจากแปะแผ่นยาไปแล้ว 48 ชั่วโมง ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่
ข้อดี : ผลข้างเคียงจากการใช้แผ่นแปะมีน้อยกว่าการกินยาคุมกำเนิด
ข้อเสีย : อาจรู้สึกเจ็บตึงหน้าอก คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ มีอาการระคายเคืองผิวหนังบริเวณที่แปะแผ่นยาได้
ค่าใช้จ่าย : ประมาณ 400-600 บาท (1 กล่อง มี 3 แผ่น สำหรับใช้ 1 เดือน)
5. ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
การคุมกำเนิดที่กำลังนิยมอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากกว่า 99 % นั่นก็คือการใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝัง ที่มีลักษณะเป็นแท่งพลาสติกเล็กๆ ขนาดเท่าไม้ขีดไฟ โดยจะมีฮอร์โมนโปรเจสตินที่จะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของฟองไข่ ทำให้สามารถป้องกันไข่ตกได้ โดยจะฝังไว้ที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนของผู้หญิง
ข้อดี : ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง สะดวก มีอาการปวดประจำเดือนน้อยลง
ข้อเสีย : อาจมีรอยแผลเป็นเล็กๆ ประจำเดือนกะปริดกะปรอยหรือประจำเดือนขาด อาจน้ำหนักตัวขึ้น
ค่าใช้จ่าย : มีให้เลือกเป็นแบบ 3 ปี และ 5 ปี ถ้าอายุต่ำกว่า 20 ปี สามารถฝังยาคุมกำเนิดได้ฟรี ส่วนอายุ 20 ปีขึ้นไป ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 3,000-5,000 บาทเท่านั้น
แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ใครที่สนใจวิธีไหนก็สามารถปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อความชัวร์และความปลอดภัยกันดู เพราะแต่ละวิธีก็อาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับสภาพร่างกายของเราได้